เครื่องฟอกอากาศ คืออะไร

เครื่องฟอกอากาศ คืออะไร เป็นที่ทราบกันดีว่าสภาพอากาศบ้านเราในตอนนี้ทั้งฝุ่นและควันพิษในอากาศมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และขนาดของฝุ่นนั้นก็เล็กลงขึ้นด้วยตัวอย่างเช่น PM2.5 แม้หน้ากากดักฝุ่นที่เราใส่ก็ยังไม่สามารถดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กขนาดนี้ได้ ดังนั้นอีกวิธีในการแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง คือการเลือกซื้อ “เครื่องฟอกอากาศ” มาใช้งานเพื่อที่จะช่วยลดฝุ่นและกำจัดเชื้อโรคในบ้านของเราได้ แต่ว่า เครื่องฟอกอากาศคืออะไร หลักการทำงานของมันเป็นยังไง วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน เครื่องฟอกอากาศ คืออะไร? –เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier หรือ Air Cleaner) คือ เครื่องที่ช่วยในการกำลังสิ่งแปลกปลอมในอากาศเช่น ฝุ่น แบคทีเรีย เชื้อโรค รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อย่างเช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นในบ้านให้หายไป โดยเครื่องกรองอากาศจะดูดอากาศเข้าเครื่องผ่านตัวกรองเพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศเอาไว้ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน เครื่องฟอกอากาศ มีระบบการทำงานอย่างไร? ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศสามารถแบ่งออกได้ 5 ระบบหลักๆคือ 1.Air filters -Air filters หรือ แผ่นกรองอากาศ ทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นละอองในอากาศที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ Air filters มีประเภทที่ทำมาจากกระดาษ เส้นใย ตาข่าย แต่แบบที่นิยมใช้ในปัจจุบันก็คือ แผ่นกรองอากาศแบบ HEPA หรือ High Efficiency Particulate Air เป็นแผ่นกรองที่ผลิตจากเส้นใย Fiberglass ที่ออกแบบมาเพื่อดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน และมีประสิทธิภาพดักจับฝุ่นละอองได้ไม่น้อยกว่า 99.97% และยังมีอายุเฉลียนในการใช้งานอยู่ที่ 3-5 ปีเลยทีเดียว 2.Electrostatic Precipitator (ESP) -ESP หรือ ระบบกรองอากาศที่ทำงานโดยใช้หลักไฟฟ้าสถิต โดยการปล่อยไฟฟ้าประจุลบออกม าเพื่อดักจับฝุ่นละอองในอากาศหรืออนุภาคขนาดเล็กที่เป็นประจุบวกให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน ซึ่งจะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วตกลงสู้พื้นโดยไม่ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ 3.Gas-Phase air filters -เป็นระบบที่มีไว้สำหรับกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ โดยการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติในการดูดซับมลพิษเป็นตัวช่วยในการทำงานของระบบ เพื่อช่วยดูดซับกลื่นไม่พึงประสงค์และก๊าซพิษให้หายไป 4.Ozone generator -เป็นการนำระบบโอโซนมาใช้กับระบบการฟอกอากาศ โดยเชื่อว่าจะช่วยกำจัดอนุภาคของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสารระเหยต่างๆ ที่ปนมากับอากาศได้ดี พร้อมทั้งสามารถกำจัดเชื้อโรคบางอย่างได้อีกด้วย แต่เนื่องจากโอโซนค่อนข้างมีผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกายของมนุษย์จึงไม่ค่อยนิยมใช้กันมากนัก ดังนั้นจึงมักจะใช้เครื่องฟอกอากาศประเภทนี้กับพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากนัก 5.UV Light -UV Light เป็นระบบที่นำรังสีอัลตราไวโอเลตมาช่วยในการกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ อย่างเช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือฝุ่นละอองในอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้

เครื่องฟอกอากาศ

เป็นภูมิแพ้ควรใช้เครื่องฟอกอากาศ จริงมั้ย?

เป็นภูมิแพ้ควรใช้เครื่องฟอกอากาศ จริงมั้ย? ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีเพิ่มมากขึ้น 3-4 เท่า เมื่อเทียบระหว่างช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (สถิติโดยข้อมูลสถิติของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย) อาการของโรคภูมิแพ้นั้น สังเกตุได้โดยจะมีอาการ มีน้ำมูกในตอนเช้า จาม คันจมูก คัดจมูก ไอ หายใจไม่คล่องหรือหายใจแล้วมีเสียงวี้ด เป็นต้น อาการเหล่านี้คืออาการบ่งบอกภูมิแพ้ ซึ่งอาจจะเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ มลภาวะ การสูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย สภาพแวดล้อมภายในที่พักอาศัย เช่น เลี้ยงสัตว์ ปูพรม แม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศก็สามารถเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองและไรฝุ่นชั้นดี ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการบรรเทาและป้องกันการเกิดภูมิแพ้ที่มาจากสภาพแวดล้อมที่คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นละอองซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการภูมิแพ้ได้ โดยการใช้ “เครื่องฟอกอากาศ” ว่าจะสามารถช่วยเราจากโรคภูมิแพ้ได้จริงแท้แค่ไหน เครื่องฟอกอากาศ สามารถดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศได้เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น เชื้อโรค แบคทีเรีย รวมถึงกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งมีกล่าวมานั้นล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่มีอาการภูมิแพ้ยิ่งกำเริบมากขึ้นไปอีก ดังนั้นการมีเครื่องฟอกอากาศนั้นจะช่วยให้ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้บรรเทาเบาบางลงไป แต่ก็มีภูมิแพ้บางชนิดที่เครื่องฟอกอากาศนั้นไม่สามารถช่วยบรรเทาได้ เช่น แพ้อาหาร หรือ แพ้แมลง เป็นต้น เครื่องฟอกอากาศจะส่งผลดีอย่างชัดเจนต่อเมื่อใช้ความละเอียดในการกรองสูงมาก หรือเป็น HEPA filter ที่กรองได้ตั้งแต่ 0.3 ไมครอน (ไรฝุ่น 250 micron) ดังนั้น การที่มีเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพดี ยอมส่งผลดีและช่วยบรรเทาผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากเครื่องฟอกอากาศที่จะช่วยลดอาการภูมิแพ้แล้ว การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมก็จะช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน เช่นการจัดห้องนอนให้เป็นระเบียบ ทำความสะอาดที่นอนและห้องที่อยู่อาศัยทุกวันหรือเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดสาเหตุของโรคภูมิแพ้ได้ แม้ภูมิแพ้จะเป็นโรคเรื้อรัง แต่ถ้าหากรู้สาเหตุของการแพ้อย่างชัดเจนและพยายามหลีกเลี่ยง ตลอดจนการหมั่นดูแลร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ย่อมช่วยบรรเทาอาการที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

เครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศแบบไหนเหมาะกับบ้านคุณ?

บทความนี้เราจะมาดูวิธีในการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้คุ้มค่ากับการลงทุนของเรามากที่สุด และเหมาะสมกับพื้นที่ของเรามากที่สุด การเลือกเครื่องฟอกอากาศนั้นหลักๆ จะมีอยู่ 5 ปัจจัยที่ช่วยในการตัดสินใจของเรา ขนาดของห้อง – ขนาดของห้องเป็นสิ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยิ่งห้องของเรามีพื้นที่มากเท่าไหร่เราก็ต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ใหญ่มากขึ้น เพื่อที่เครื่องฟอกอากาศจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นวิธีการคือวัดขนาดกว้าง ยาวของห้องแล้วดูค่าเปลี่ยนถ่ายอากาศทุกชั่วโมงของเครื่องฟอกอากาศว่าค่าคือเท่าไร ค่า CADR – ค่า CADR หรือ อัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งตัวเลขนี้จะวัดปริมาณทั้งหมดที่เครื่องฟอกอากาศสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้เท่าไหร่ใน 1 นาที ยิ่งตัวเลขสูงยิ่งทำความสะอาดได้ดี Air Volume หรือ Ari Flow – เปรียบเทียบค่า Air Volume หรือ Air Flow ของเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่น ว่าแตกต่างกันหรือไม่ โดยตัวเลขจะแสดงถึงความรวดเร็วในการกรองอากาศ ยิ่งตัวเลข Air Flow สูงมากขึ้นเท่าไหร่ก็แสดงว่าเครื่องฟอกตัวนี้สามารถกรองอากาศให้เป็นอากาศ บริสุทธิ์เร็วขึ้นมากเท่านั้น ประหยัดพลังงาน – การเลือกเครื่องกรองอากาศแบบประหยัดพลังงานนอกจากจะช่วยลดโลกร้อนแล้วยังช่วยเราประหยัดค่าไฟอีกด้วย ส่วนหนึ่งที่มีผลต่อการทำงานของเครื่องฟอกอากาศคือ แผ่นกรอง ถ้าแผ่นกรองยิ่งหนามากจะทำให้อากาศผ่านได้น้อย จะยิ่งทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานหนักขึ้นและกินไฟมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองสามารถทำให้อากาศไหลผ่านได้ ดังนั้นเราควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองสามารถทำให้อากาศไหลผ่านได้ดี รวมถึงให้พิจารณาถึงฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ร่วมด้วย